Friday, November 27, 2009

เชื้อเพลิงสายพันธุ์ใหม่ E20 คืออะไร

เปิดมาปีใหม่นี้ สิ่งใหม่ที่มีใช้ในประเทศไทยเราก็คือ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ซึ่งปตท. เปิดจำหน่ายเมื่อวาน วันที่ 1 ม.ค. 2551 เป็นวันแรก ให้ชื่อว่า พีทีที E20 พลัสแต่ว่า แก๊สโซฮอล์ E20 จริงๆแล้วคืออะไรทราบกันหรือเปล่า ไม่ใช่รถทุกคันจะเติมได้นะคะ

น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 คือ น้ำมันเบนซินที่มีส่วนผสมของ เอทานอล หรือแอลกอฮอล์ 20% นั่นเอง น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 หรือ 91 ที่เราใช้อยู่ปัจจุบัน คือ น้ำมันเบนซิน 95 หรือ 91 ที่มีส่วนผสมของ เอทานอล 10% หรือเรียกว่า E10

น้ำมัน E10 นี้ รถยนต์ส่วนใหญ่ที่เป็นระบบหัวฉีดแล้วก็จะใช้ได้โดยไม ่มีปัญหา แต่น้ำมัน E20 นี้ ต้องใช้กับรถยนต์ที่ผลิตมาให้ใช้ได้เท่านั้น เพราะแอลกอฮอล์มีคุณสมบัติในการกัดกร่อน ส่วนประกอบที่เป็นยาง หรือเรซิ่นบางอย่างจะถูกกัดกร่อนได้ รถที่ซื้อก่อนปีพ.ศ. 2551 นี้ส่วนใหญ่จะใช้ไม่ได้ค่ะ ต้องหา part ที่ทนก่อการกัดกร่อนมาเปลี่ยนก่อนจึงจะใช้ได้ แต่ปัญหาคือ ไม่รู้ผู้ผลิตรถแต่ละเจ้าจะเสนอทางเลือกนี้ให้แก่เรา หรือเปล่า เราเองก็ไม่รู้ว่าจะหา part เหล่านี้มาจากไหน และ partใดจำเป็นต้องเปลี่ยนบ้าง

ตั้งแต่งาน Motor Expo ปลายปี 2550 ที่ผ่านมาแล้ว ที่แต่ละค่ายผู้ผลิตต่างก็ประกาศว่า รถใหม่รุ่นใดใช้น้ำมัน E20 ได้ นี่ก็เพราะ รัฐบาลได้ประกาศลดอัตราภาษีสรรพสามิตลง 5% สำหรับรถยนต์ที่ใช้ E20 ได้ ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นไป แต่ละค่ายจึงประกาศ E20 และลดราคาไปพร้อมๆกัน โดยความจริงแล้ว ปริมาณการผลิตเอทานอลในประเทศไทยนั้น ยังมากกว่าความต้องการอยู่ เพราะโรงงานเอทานอลต่างๆได้เตรียมการผลิตเอทานอลไว้ เพื่อให้พร้อมกับการจะยกเลิกน้ำมัน95 และ 91 ที่รัฐบาลประกาศตอนแรกว่า จะให้เปลี่ยนเป็นแก๊สโซฮอล์ให้หมดตั้งแต่เมื่อต้นปี 50 ที่ผ่านมา พอยกเลิกประกาศนี้ไปเอทานอลก็เลยเกินความต้องการ
รถที่ซื้อใหม่ในปีใหม่นี้ ที่เป็นประกาศออกมาแล้วว่าใช้ E20 ได้ ก็มีดังนี้ค่ะ

Ford:
ฟอร์ด เป็นเจ้าแรกเลยที่ประกาศว่า รถของเขาใช้ E20 ได้ ในรุ่น Ford Focus เพราะว่าที่อเมริกานี่ รัฐบาลเขาก็สนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือกเหล่านี้มา นานพอสมควรแล้ว โดยเขาสนับสนุนให้ใช้ถึง E85 เลย มีเอทานอลผสม 85% เรียกว่าเป็นรถแบบ FFV (Flex Fuel Vehicle) คือ ใช้เบนซินก็ได้ เอทานอลก็ได้ ผสมกันเท่าไรก็ได้ รถที่อเมริกาที่ใช้ E85 ได้ ก็มีหลายรุ่น หลายยี่ห้อคะ
Nissan:
นิสสัน ก็ประกาศว่า ใช้ E20 ได้ใน Tiida และ Teana
Honda:
ฮอนด้า ก็ประกาศใช้ E20 ได้ใน City, Civic, Accord และ CRV
ส่วนโตโยต้านั้น ยังไม่มีข่าวออกมาเลย แต่เห็นเซลบอกว่า โคโรล่าใหม่ใช้ได้ และรถรุ่นอื่นก็จะค่อยๆประกาศตามมา เจ้าใหญ่ที่สุดแต่ใช้ไม่ได้ก็คงจะแปลกอยู่ค่ะ คงต้องรอประกาศกันนิดหน่อย
*ฉะนั้น รถคันเดิมของเรา อย่าเพิ่งด่วนไปเติม E20 นะคะ เดี๋ยวยางเยิงเปิงหมด*

1.น้ำมันบางจากแก๊สโซฮอล์ E20 คืออะไร
คือน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ที่มีส่วนผสมระหว่างน้ำมันเบนซิน 80% และเอทานอล ความบริสุทธิ์ร้อยละ 99.5ที่ 20% โดยรถที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ยังสามารถใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ได้อีกด้วย

2.นโยบาย E20 ของกระทรวงพลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานได้ประมาณการการส่งเสริม การใช้แก๊สโซฮอล์ E20 ออกเทน 95 ดังนี้ รายการ 2551 2552 2553 2554
ปริมาณจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ E20 (ล้านลิตรต่อวัน) 0.25 0.58 0.90 1.23
สัดส่วนการจำหน่าย E20 เทียบกับเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทั้งหมด (%) 1.2 2.6 4.0 5.3
ข้อมูลจาก : กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษณ์พลังงาน

3. สถานการณ์ E20 สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย แจ้งว่าในเบื้องต้นจะมีรถยนต์แก๊สโซฮอล์ E20 จำหน่ายในปี 51 ประมาณ 60,000 คัน และอาจมียอดจำหน่ายเบื้องต้นหากมีบริษัทรถยนต์แจ้งเพ ิ่มเติม ปัจจุบันมีรถยนต์ E20 จำหน่าย 5 ยี่ห้อ

- Ford: Focus ทุกรุ่นตั้งแต่ปี 2005
Escape 3.0 L ตั้งแต่ปี 2005
- Honda: Accord, CR-V, Civic, City, รุ่นปี 2008
- Mazda: Mazda 3 Groove, Spirit, Spirit Sport, Maxx, Maxx Sport Sunroof
- Mitsubishi: New Space Wagon minor change
- Nissan: Tiida, Teana รุ่นปี 2008
(ข้อมูลจากบริษัทรถยนต์ ณ วันที่ 20 ธันวาคม 2550)

4. สถานีบริการน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ปัจจุบันมีสถานีบริการจำหน่ายน้ำมัยแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ทั้งสิ้น 18แห่ง โดยเป็นของ บ.บางจากฯ 5 แห่ง และของ บ.ปตท อีก 12 แห่ง
สถานีบริการน้ำมัน บางจาก ที่จำหน่าย E20 5 สถานี - สาขาสุขาภิบาล 1
- สาขาเกษตร
- สาขาคู่ขนานรามอินทรา-อาจณรงค์ 2
- สาขาเอกมัย
- สาขาพระราม 3

สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ที่จำหน่าย “พีทีที E20 พลัส” 12 สถานี
- สน.ปตท. สาขาทางด่วนบางนา ขาออก (สุขุมวิท 62)
- สน.ปตท. สาขาบางบอน
- สน.ปตท. สาขากรมช่างอากาศ
- สน.ปตท. สาขาองค์การแบตเตอรี่
- สน.ปตท. บจก. ปิโตรเลียมน้ำมัน (รามอินทรา)
- สน.ปตท.หจก.สุวัจชัยออยล์ (ประชาชื่น)
- สน.ปตท. หจก.ศรีเจริญภัณฑ์ (วิภาวดี)
- สน.ปตท. บจก.เกษตรนวมินทร์ปิโตรเลียม
- สน.ปตท.บจก. ที.3 เจ. (ราชพฤกษ์)
- สน.ปตท. สาขาการท่าอากาศยาน 2 (ดอนเมือง)
- สน.ปตท. สาขาสำนักงานใหญ่
- สน.ปตท. บจก.นาคสวัสดิ์

5. อัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ E20
กระทรวงการคลังได้ออกประกาศ เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 80) เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2550 (เอกสารแนบ 2) และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 โดยลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่สามารถใช้เชื้อเพลิ งประเภทเอทานอลไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 เป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้

- รถยนต์ที่มความจุกระบอกสูบไม่เกิน 2,000 ลบ.ซม. และมีกำลังเครื่องยนต์ไม่เกิน 220 แรงม้า จากอัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันร้อยละ 30 (ซึ่งมีเพดานภาษีร้อยละ 50) ลดลงเหลือร้อยละ 25

- รถยนต์ที่มีความจุกระบอกสูบเกิน 2,000 ลบ.ซม. แต่ไม่เกิน 2,500 ลบ.ซม. และมีกำลังเครื่องยนต์ไม่เกิน 220 แรงม้า จากอัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันร้อยละ 35 (ซึ่งมีเพดานภาษีร้อยละ 50) ลดลงเหลือร้อยละ 30

- รถยนต์ที่มีความจุกระบอกสูบเกิน 2,500 ลบ.ซม. แต่ไม่เกิน 3,000 ลบ.ซม. และมีกำลังเครื่องยนต์ไม่เกิน 220 แรงม้า จากอัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันร้อยละ 40 (ซึ่งมีเพดานภาษีร้อยละ 50) ลดลงเหลือร้อยละ 35

- รถยนต์ที่มีความจุกระบอกสูบเกิน 3,000 ลบ.ซม. หรือมีกำลังเครื่องยนต์เกิน 220 แรงม้า จัดเก็บคงเดิมในอัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันร้อยละ 50

รถยนต์ E20 ที่จะใช้อัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่นี้ จะต้องมีคุณลักษณะครบถ้วนทุกข้อดังนี้
1. มีการออกแบบที่ผลิตให้เป็นรถยนต์ประเภทใช้เชื้อเพลิง ประเภทเอทานอลไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 เป็นส่วนผสมกันน้ำมันเชื้อเพลิงได้ โดยโรงอุตสาหกรรมที่ผลิตรถยนต์รุ่นนั้นๆ โดยตรง
2. มีการรับประกันจากผู้ผลิตว่าสามารถใช้เชื้อเพลิงประเ ภทเอทานอลไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 เป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงได้และ
3. ต้องได้รับการรับรองมาตรฐานมลพิษจากสำนักงานมาตรฐานผ ลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ไม่ต่ำกว่าระดับ มอก. 2160-2546

6. มาตรฐานน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20
คุณภาพของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ตามประกาศของกรมธุรกิจพลังงานเรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ พ.ศ. ๒๕๕๐ เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2551 (แนบมาตรฐานแก๊สโซฮอล์) พบว่าคุณภาพของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 นั้นเทียบจะไม่ได้แตกต่างจากน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 มีค่าเพียง 3 ค่าที่แตกต่างคือ
1. อุณหภูมิการกลั่น
2. ความดันไอ
3. ปริมาณผสมเอทานอล

7. รถทุกคันสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้หรือไม่
ไม่ได้ รถยนต์ที่จะสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ต้องเป็นรถยนต์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อรองรับสัดส่วนผสมของเอทานอลที่สูงกว่าร้อยละ 10 ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณเอทานอลที่สูงขึ้นเป็นร้อยละ 20 ในแก๊สโซฮอล์ E20 นั้น จะส่องผลถึงความสามารถในการกัดกร่อนยาง และโลหะในระบบเก็บส่งน้ำมันในเครื่องยนต์ การใช้งานจึงต้องเป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการออกแบบม าโดยเฉพาะ

8. ประโยชน์ของการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ต่อผู้บริโภค
1. ผู้บริโภคได้ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 ในราคาถูกลงกว่าลิตรละ 5 บาท
2. ราคารถยนต์ที่ใช้ E20ถูกลงจากการลดภาษีสรรพสามิตประมาณคันละ 5 หมื่น -1 แสนบาท

9. ข้อดีของการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์
1. การเผาไหม้ของ E20 สมบูรณ์กว่าน้ำมันเบนซินปกติ จึงช่วยเพิ่มกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์
2. การใช้แก๊สโซฮอล์ E20 ช่วยลดการปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจกลดกว่าร้อยละ 30

จากเอกสารเผยแพร่ “พลังงานทดแทน พลังงานแห่งอนาคต” ของกรมพัฒนาทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน ได้ให้คำจำกัดความว่า แก๊สโซฮอล์ เป็นน้ำมันที่เกิดจากการผสมของน้ำมันเบนซินกับเอทานอ ลที่มีความบริสุทธิ์ร้อยละ 99.5 หรือเอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ที่ผลิตได้จากผลผลิตทางการเกษตร ผ่านกระบวนการหมัก กลั่นและทำให้บริสุทธิ์ มีสูตรโมเลกุลคือ C2H5OH และมีลักษณะเป็นของเหลวใสไม่มีสี จุดเดือดประมาณ 78 องศาเซลเซียส ติดไฟง่าย โดยนำมาใช้เพื่อทดแทนสาร MTBE (Methyl Tertiaryn Butyl Ether) ซึ่งเป็นสารที่ใช้ผสมในน้ำมันเบนซินเพื่อเพิ่มค่าอ๊อ กเทน

ประโยชน์ของเอทานอล

เอทานอลหรือ เอทิลแอลกอฮอล์สามารถนำไปใช้ประโยชน์เป็นส่วนประกอบใ นการผลิตสินค้าได้หลายอย่างด้วยกัน ได้แก่ สินค้าที่ใช้รับประทานโดยตรงจำพวกเครื่องดื่มที่มีส่ วนผสมของแอลกอฮอล์ต่างๆ อุตสาหกรรมสี เครื่องสำอาง และเพื่อใช้ในทางการแพทย์ เป็นต้น

สำหรับการใช้เอทานอลเป็นพลังงานทดแทน จะผสมในอัตรา 10% ในน้ำมันเบนซิน ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับ ประกอบด้วย
ช่วยทดแทนสารเพิ่มออกเทน MTBE ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินตราต่างประเทศในการนำเข้า MTBE และน้ำมัน ได้ไม่น้อยกว่า 13,000 ล้านบาทต่อปี

ลดปัญหามลพิษทางอากาศ และการปนเปื้อนในแหล่งน้ำ จากการทดแทนสาร MTBE ที่ก่อให้เกิดปัญหามลภาวะ

แก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรล้นตลาด อาทิ อ้อย มันสำปะหลัง โดยจำหน่ายได้ในราคาที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อประเทศชาติโดยรวม
แม้ว่าอัตราสิ้นเปลืองของแก๊สโซฮอล์จะสูงกว่าน้ำมันเ บนซินปกติเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับราคาที่ถูกกว่า 2.50 บาทแล้ว ก็นับว่ายังคุ้มค่ากว่า อีกทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานจากการใ ช้วัตถุดิบที่ผลิตได้ภายในประเทศ
บทสรุป
ภาครัฐและเอกชนร่วมแรงร่วมใจน้อมนำแนวพระราชดำริของพ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ด้านพลังงานทดแทน มาขยายผลในวงกว้าง พร้อมส่งเสริมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีความม ั่นใจต่อคุณภาพ และจูงใจให้หันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์กันอย่างแพร่หลา ย จนมีอัตราการขยายตัวสูงมาก ยังประโยชน์ต่อความมั่นคงด้านพลังงาน และสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งให้กับประเทศชาติในระยะ ยาว จากแหล่งพลังงานทดแทนซึ่งผลิตได้เองภายในประเทศ

เศรษฐศาสตร์จุลภาค คืออะไร

ประเด็นที่เกี่ยวข้องเมื่อพูดถึงวิชาเศรษฐศาสตร์จุลภาค
Market
Positive VS Normative
Real VS Nominal Prices
เศรษฐศาสตร์จุลภาค คือ
ว่าด้วยการศึกษาถึงพฤติกรรมทางเศรษฐกิจของหน่วยเศรษฐกิจแต่ละหน่วย และความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยเศรษฐกิจเหล่านั้น

เศรษฐศาสตร์จุลภาคต่างจากมหภาคอย่างไร

คำว่า "เศรษฐศาสตร์จุลภาค" (MICROECONOMICS) และ "เศรษฐศาสตร์มหภาค" (MACROECONOMICS) ถูกใช้บ่อยในปัจจุบัน จนเสมือนกับเป็นคำที่ใช้กันในชีวิตประจำวัน สำหรับหลายท่านที่ไม่คุ้นเคย กับเรื่องเศรษฐศาสตร์ คงงงอยู่เหมือนกัน วันนี้จะเขียนถึงคำสองคำนี้ เพื่อพยายามให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น

ขอเริ่มที่ว่า หลายวิชานั้นศึกษาในหลายระดับ ตัวอย่างเช่น ชีววิทยา พวกที่ศึกษาส่วนประกอบ ของสารเคมี ซึ่งประกอบกันเป็นสิ่งมีชีวิต เราเรียกว่า MOLECULAR BIOLOGISTS ส่วนพวกที่เรียกว่า CELLULAR BIOLOGISTS เป็นพวก ที่ศึกษาในระดับเซลล์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบของสารเคมีเหมือนกัน โดยตัวมันเองก็ประกอบกันเข้าเป็นสิ่งมีชีวิต ส่วนพวกที่เรียกว่า EVOLUTIONARY BIOLOGISTS นั้น ศึกษาสัตว์ และพืชต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศึกษาการพัฒนาเปลี่ยนแปลงของพืชพันธุ์ เหล่านี้ข้ามเวลา

วิชาเศรษฐศาสตร์ ก็เช่นกัน มีกาศึกษาในหลายระดับ หากศึกษาในระดับย่อย เช่น ศึกษากระบวนการตัดสินใจของแต่ละคน และมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร ศึกษาการจัดสรรทรัพยากร ( คำนี้ฟังดูใหญ่โต จริง ๆ แล้ว ก็คล้ายกับตัวอย่างหนึ่งที่ หากแบ่งที่ดิน ส่วนใหญ่ไว้ปลูกมะม่วง ก็จะเหลือที่ดินเพียงเล็กน้อยไว้ปลูกบ้าน คำถามก็คือ จะจัดสรรอย่างไร และศึกษาว่าราคาผลผลิต ถูกกำหนดราคามาได้อย่างไร ฯลฯ ก็คือการศึกษาในส่วนที่เรียกว่าเศรษฐศาสตร์จุลภาค

หากศึกษาในระดับรวม หรือระดับใหญ่ เช่นศึกษาการทำงานของระบบเศรษฐกิจ ศึกษาการเกิดขึ้นของการว่างงาน ของระบบเศรษฐกิจ ศึกษาการเพิ่มสูงขึ้นของระดับราคาสินค้าโดยทั่วไป ( เงินเฟ้อ ) หรือศึกษาระบบเศรษฐกิจโลก ฯลฯ ก็คือ การศึกษาในส่วนที่เรียกว่าเศรษฐศาสตร์มหภาค

การศึกษาจุลภาค และมหภาค ก็เปรียบเสมือนกับการศึกษาต้นไม้ (จุลภาค) กับการศึกษาป่า (มหภาค) หรืออุปมาว่า เครื่องมือของเศรษฐศาสตร์มหภาค ก็คือกล้องส่องทางไกล ในขณะที่เครื่องมือของเศรษฐศาสตร์จุลภาค ก็คือกล้องจุลทรรศน์

ถ้าศึกษาเรื่องผลผลิตของหน่วยเศรษฐกิจหนึ่ง ก็คือเรื่องของเศรษฐศาสตร์จุลภาค อย่างไรก็ดี ถ้าเอาผลผลิตทั้งหมด ของทุกหน่วยผเศรษฐกิจในประเทศมารวมกัน ก็คือเรื่องของเศรษฐศาสตร์มหภาค หรือถ้าศึกษาเรื่องราคาของผลผลิตในตลาดหนึ่ง ก็คือเศรษฐศาสตร์จุลภาค

แต่ถ้าศึกษาราคาของสินค้าทั่วไป ( ซึ่งก็คือ การเอาราคาของสินค้าในตลาดต่าง ๆ ทั้งหมด มาพิจารณาร่วมกัน ก็คือ เศรษฐศาสตร์มหภาค

เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า ในระดับย่อย คือจุลภาคนั้น มีสามเป้าหมายหลัก ซึ่งได้แก่ (1) ประสิทธิภาพ (EFFICIENCY) (2)ความเท่าเทียมกัน (EQUITY) (3) เสรีภาพ (FREEDOM)

ในเรื่องที่ ( 1) เศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ จะมีการสูญเปล่าของทรัพยากรน้อยที่สุด และจะทำให้เกิดมาตรฐาน การครองชีพ ที่สูงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แก่ผู้บริโภค

เรื่อง (2) ก็คือ ช่องว่างที่ใหญ่ระหว่าง คนรวย และคนจน อาจทำให้คนส่วนใหญ่ ยิ่งยากจนลง และคนส่วนน้อยยิ่งรวยขึ้น

และเรื่อง (3) ก็คือการที่ประชาชน มีทางเลือกอย่างกว้างขวางมากที่สุด

ในสามเป้าหมายหลักนี้ EFFICIENCY เป็นเป้าหมายหลัก ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด ในขณะที่ EQUITY และ FREEDOM นั้นมีปัญหา โดยมีความไม่ชัดเจน เนื่องจากเกี่ยวพันกับการใช้ความรู้สึกส่วนตัว มาตัดสินว่า อย่างไรจึงเรียกว่า เกิดความไม่เท่าเทียมกัน และอย่างไรจึงเรียกว่า ประชาชนมีทางเลือกอย่างกว้างขวาง

ทั้งสามเป้าหมายหลักนี้เกี่ยวพันกับการ "ได้อย่าง เสียอย่าง (TRADE-OFF)" ทั้งสิ้น

ตัวอย่างเช่น นโยบายที่เน้นประสิทธิภาพ อาจก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน เช่นการให้สิทธิบัตรแก่คนคิดค้น วัคซีนโรคเอดส์ ก็คือนโยบายเน้นประสิทธิภาพ ( จะมีคนลงทุน แข่งขันกันคิดค้นวัคซีน) แต่ก็ไม่เท่าเทียมกัน เพราะเฉพาะคนมีเงิน จึงจะได้ วัคซีน แต่ถ้านับความเท่าเทียมกัน โดยไม่ให้สิทธิบัตร คือทุกคนจะได้วัคซีนฟรี อย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ต้องซื้อวัคซีน ก็จะยากที่จะเกิดขึ้นได้

สำหรับเสรีถาพ กับประสิทธิภาพนั้น ก็ขัดแย้งกัน เช่น ถ้าให้เสรีภาพในการล้มละลายของบริษัท สถาบันการเงิน ก็จะลำบากขึ้น จนอาจเป็นอุปสรรค ต่อการกู้ยืมของคนอื่น ๆ และเกิดการผลิตของสังคมน้อยลงในที่สุด

" การได้อย่าง เสียอย่าง " นี่แหละ ที่ทำให้ แต่ละสังคม ต้องออกกฎหมาย เพื่อควบคุม ดูแลให้เกิดความสมดุล ของสามเป้าหมายดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้อง กับความต้องการของสมาชิกในสังคมนั้น ๆ

สำหรับระดับมหภาคนั้น มีสามเป้าหมายหลักซึ่งได้แก่ (1) การจ้างงานสูง (การว่างงานต่ำ) ( 2) ระดับราคาสินค้า มีเสถียรภาพ และ (3) การเจริญเติบโตของระบบเศรษฐกิจ

เป้าหมายในเรื่องการจ้างงานสูง เป็นเรื่องสำคัญ เพราะทำให้คนมีงานทำ มีการผลิต ไม่ปล่อยให้ เครื่องมือเครื่องจักร ถูกทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์ ส่วนเป้าหมายระดับราคาสินค้ามีเสถียรภาพนั้น ทำให้ผู้บริโภค มีความมั่นใจในอำนาจซื้อของตน สามารถวางแผนได้ว่าจจะบริโภคในปัจจุบัน หรือออมเพื่ออนาคต และเป้าหมายสุดท้าย คือเศรษฐกิจมีการเจริญเติบโตนั้น จะทำให้ประชาชนโดยรวมมีรายได้สูงขึ้น และลูกหลานมีความมั่นคงในฐานะมากกว่าตัวเขา

หากบรรลุเป้าหมายข้างต้น ก็หมายถึงการมี "ความมั่นคง ในด้านเศรษฐกิจ (ECONOMIC SECURITY) ของบุคคลในระดับมหภาค เศรษฐศาสตร์จุลภาค และมหภาค ผูกโยงงกันอย่างใกล้ชิด การจะบรรลุซึ่งเป้าหมายหลัก ในระดับมหภาคได้นั้น ขึ้นอยู่กับการบรรลุเป้าหมายหลักในระดับจุลภาค

และเช่นกัน ในทางกลับกัน ตัวอย่างเช่นการว่างงานอย่างหนัก ก็คืออาการของการขาดประสิทธิภาพ ในระดับจุลภาค

กล่าวคือ เมื่อทรัพยากรในระดับจุลภาคถูกใช้งานอย่างขาดประสิทธิภาพ (มีแรงงานประเภท "เหมอมองนอกหน้าต่าง" จำนวนมาก ) ต้นทุนจึงสูง ขายสินค้าไม่ออก ไม่มีรายได้ ฯลฯ ถ้าเกิดขึ้นอย่างดาษดื่นในชีวิต ก็ทำให้ขาดอำนาจซื้อโดยรวม ไม่มีใครผลิตสินค้ามาสนองาตอบ ซึ่งก็หมายถึง ทำให้เกิดการว่างงานในระดับมหภาคขึ้นนั่นเอง

การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ในระดับมหภาค จึงจำเป็นต้องพึ่งพาการแก้ไขในระดับจุลภาคด้วย เช่นถ้าในระดับมหภาค ประเทศไม่มีเงินออมในประเทศอย่างทัดเทียมกับเงินที่สังคม ต้องการลงทุน ก็จำต้องกู้ยืมจากต่างประะทศอย่างไม่จบสิ้น จนหนี้ต่างประเทศพอกพูน หากต้องการแก้ไข ความไม่สมดุลของเงินออม กับเงินลงทุน ก็จำต้องแก้ไขที่ระดับจุลภาค โดยพยายามสร้างค่านิยมให้ประชาชนแต่ละคนมีความมัธยัสถ์ รู้จักใช้เงินจนมีเงินออมเพิ่มขึ้น และเมื่อรวมเงินออมทั้งหมดเหล่านี้ เข้าด้วยกันแล้ว การออมในระดับมหภาคก็เป็นสองส่วน การออมในระดับ มหภาคก็เกิดขึ้นได้อย่างทัดเทียนกับการลงทุนที่ต้องการ

ถึงแม้เศรษฐศาสตร์จุลภาค และมหภาค จะเชื่อมโยงถึงกันดังกล่าว แต่ทั้งสองก็เป็นสองส่วนวิชาเศรษฐกิจที่แยกขาดจากกัน เพราะต่างก็ตั้งถามทีแตกต่างกัน

และบางครั้ง ก็มีแนวทางการศึกษา ที่แตกต่างกันอีกด้วย

Definition of Inferior Good

Definition: An inferior good is a good that has the property that when a person's income rises the demand for the inferior good falls.

Definition of Economic Good

Definition: An economic good is a physical object or service that has value to people and can be sold for a non-negative price in the marketplace.

What does Economic Efficiency mean?

Answer: Economic efficiency is a term typically used in microeconomics when discussing product. Production of a unit of good is considered to be economically efficient when that unit of good is produced at the lowest possible cost. Economics by Parkin and Bade give a useful introduction to the difference between economic efficiency and technological efficiency:

There are two concepts of efficiency: Technological efficiency occurs when it is not possible to increase output without increasing inputs. Economic efficiency occurs when the cost of producing a given output is as low as possible.

Technological efficiency is an engineering matter. Given what is technologically feasible, something can or cannot be done. Economic efficiency depends on the prices of the factors of production. Something that is technologically efficient may not be economically efficient. But something that is economically efficient is always technologically efficient.

A key point to understand is the idea that economic efficiency occurs "when the cost of producing a given output is as low as possible". There's a hidden assumption here, and that is the assumption that all else being equal. A change that lowers the quality of the good while at the same time lowers the cost of production does not increase economic efficiency. The concept of economic efficiency is only relevant when the quality of goods being produced is unchanged.

The Most Attractive Places Of Phnom Penh City:



1. Royal Palace:
it was built, in 1866, as the home of Cambodia King. Most parts of the Royal Palace are opened for all public to global and domestic tourists to visit and entertain except the King’s building. Especially, you have to see Prasat Prak (Prasat means temple, Prak means silver) located in Royal Palace. Prasat Prak was named because of over 5000 pieces of its floors were made from silver. Inside the building, you will discover a masterpiece of Buddha statue made from pure gold with 9,584 diamonds attached to it and weighs over 90 Kilograms (199 pounds) including 100’s of antique gifts, arts, and sculptures.

Visiting Phnom Penh


Phnom Penh is the biggest city of Cambodia. Phnom Penh capital is also called Phnom Penh municipality- it is the first destination, located in the south-central Cambodia, where every tourist will discover the culture, economy, commercial building, historical museums, Cambodia Hand-Made Gift Malls, and parks.

Phnom Phnom got its popular name from Phnom Daun Penh, built in 1373, or we call it Wat Phnom (Wat means pagoda, Phnom means mount), it became the capital city in 1865, permanent home of governor, and Royal Palace was built in 1866.
Night in Cambodia

Capital of Phnom Penh and Siem Reap province are the greatest places for international and local tourist destination. Also, Phnom Phnom is awarded as the most popular capital with over 1 million Cambodian population residing. It offers almost anything to all international and local tourists including magnificent historical places, five star hotels, condos, restaurants, disco clubs, casino in the heart of the city.

To make it easy to govern, government has divided it into 7 Khans and 76 Sangkats (Khan means district, Sangkat means commune).
1. Khan 7 Makara (Makara means January) with 8 communes
2. Khan Daun Penh with 11 communes
3. Khan Chamka Morn with 12 communes
4. Khan Touk Kok with 10 communes
5. Khan Reusey Koe with 12 communes
6. Khan Dang Kou with 15 communes
7. Khan Mean Chey with 8 communes

Cambodia code: 855 , Phnom Penh Code: 023
Mayor: His Excellency Keb Chutema
Capital Area: 290 Km2 (112 square miles)
Population: 1,325,681 (CS in 2008)
Temperature: starts from 13° to 36 °C (56°F to 97 °F)
The great time to spend your vacation in Phnom Penh should be from November to January because the temperatures are low and enjoyable.